EV Car เป็นรถยนต์ที่กำลังได้รับความนิยมสูงขึ้นจากผู้ใช้งานรถยนต์ในประเทศไทย สำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่ารถประเภทนี้เป็นอย่างไร เราจะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกันให้ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น

EV Car (Electric Vehicle) หรือที่เรียกกันว่ารถยนต์ไฟฟ้า เป็นรถที่ใช้ขุมพลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อนแบบ 100% โดยจะมีแบตเตอรี่ที่ทำหน้าที่เก็บพลังงานไฟฟ้า และส่งกำลังให้มอเตอร์ไฟฟ้าเพื่อขับเคลื่อนให้รถยนต์เคลื่อนที่ไปได้ ซึ่งระยะทางในการขับเคลื่อนก็ขึ้นอยู่กับขนาดความจุแบตเตอรี่ของรถยนต์ไฟฟ้าแต่ละแบรนด์ แต่ละรุ่น

เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนก็อาจจะเกิดคำถามว่า แล้วรถยนต์ที่เห็นวิ่งกันทั่วไปตามท้องถนน ในช่วงระยะเวลาหลาย 10 ปีที่ผ่านมาคือรถแบบไหน ซึ่งรถยนต์แบบดั้งเดิมก่อนที่เทรนด์การใช้รถไฟฟ้าจะเป็นที่นิยมนั้น เราเรียกกันว่ารถสันดาป หรือเรียกสั้น ๆ ว่ารถ ICE (Internal Combustion Engine) ซึ่งรถยนต์ประเภทนี้จะใช้ขุมพลังที่มาจากน้ำมันเชื้อเพลิง ไม่ว่าจะเป็นเบนซินหรือดีเซล เพื่อช่วยทำหน้าที่ในการขับเคลื่อนเครื่องยนต์และระบบเกียร์ส่งให้รถสามารถเคลื่อนที่ไปได้นั่นเอง

ไขข้อสงสัย EV Car กับรถสันดาป มีข้อดีข้อเสียต่างกันตรงไหน

แล้ว EV Car นั้นต่างจาก ICE Car อย่างไร มีข้อดีข้อเสียต่างกันตรงไหนบ้าง เพื่อให้ทุกท่านได้มีข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการเลือกใช้รถยนต์ที่ตอบโจทย์การใช้งานของตนเองมากที่สุด ไปลองเปรียบเทียบกันเลย

EV Car

1. แหล่งพลังงาน 

อย่างที่ทราบกันไปแล้วในเบื้องต้นว่า รถยนต์ไฟฟ้านั้นใช้แหล่งพลังงานในการขับเคลื่อนเครื่องยนต์จากไฟฟ้า 100% นอกจากจะสามารถชาร์จไฟฟ้าได้ตามสถานีชาร์จไฟแล้ว ยังสามารถชาร์จไฟฟ้าจากที่บ้านได้อีกด้วย ส่วนเครื่องยนต์สันดาปก็ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเป็นขุมพลังในการขับเคลื่อนรถยนต์ สามารถเติมน้ำมันได้ทุกปั๊มในประเทศไทย

2. ค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน

รถยนต์ไฟฟ้าเป็นรถที่มีค่าใช้จ่ายในการเดินทางไม่มากเมื่อเทียบกับรถสันดาป จากสถิติพบว่า ค่าใช้จ่ายพลังงานไฟฟ้าของ EV Car จะอยู่ที่ประมาณไม่เกิน 1 บาทต่อกิโลเมตร ในขณะที่รถสันดาปนั้นจะมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 2-4 บาทต่อกิโลเมตร ทำให้ในระยะยาวค่าใช้จ่ายสะสมด้านพลังงานของรถไฟฟ้า จะน้อยกว่าเมื่อเทียบกับรถสันดาป

3. ระยะเวลาในการเติมพลังงาน

แม้ว่ารถยนต์ไฟฟ้าจะมีค่าใช้จ่ายด้านพลังงานที่น้อยกว่ารถสันดาป แต่ก็ต้องยอมรับว่า ระยะเวลาในการชาร์จไฟยังเป็นเรื่องที่จะต้องพัฒนาให้สั้นลง เพราะขั้นต่ำของรถไฟฟ้าจะใช้เวลาในการชาร์จอย่างน้อย 30 นาทีเลยทีเดียว ในขณะที่รถสันดาปใช้เวลาในการเติมน้ำมันไม่เกิน 5 นาทีด้วยซ้ำ และยิ่งด้วยข้อจำกัดในเรื่องของความเพียงพอของจำนวนสถานีชาร์จไฟฟ้าด้วยแล้ว ก็ยิ่งทำให้ผู้ขับขี่ต้องเสียเวลาในการรอเพิ่มมากขึ้น

4. ข้อจำกัดด้านระยะทางสูงสุดในการเดินทาง

รถยนต์ไฟฟ้านั้นมีข้อจำกัดทางด้านระยะทางที่รถสามารถเดินทางไปได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับขนาดของแบตเตอรี่ ในปัจจุบันจะสามารถวิ่งได้ระยะทางเต็มที่อยู่ระหว่าง 300-600 กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟฟ้าเต็มหนึ่งครั้ง ซึ่งหากเทียบกับรถสันดาปมักจะมีระยะทางสูงสุดเริ่มต้นที่ 400-600 ต่อน้ำมัน 1 ถัง แต่ข้อจำกัดนี้กลับไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เพราะสามารถเติมน้ำมันได้จากปั๊มที่ขับผ่าน ดังนั้นผู้ขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าจึงต้องวางแผนในการเดินทางอย่างรัดกุมทุกครั้ง

5. ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมขณะขับขี่

แน่นอนว่าเรื่องนี้ EV Car ชนะอย่างขาดลอย เพราะการใช้งานรถไฟฟ้านั้นจะไม่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และคาร์บอนมอนอกไซด์ขณะใช้งาน ซึ่งเป็นหนึ่งในก๊าซเรือนกระจกที่ทำให้โลกตกอยู่ในสภาวะโลกร้อน ดังนั้นจะเห็นได้ว่านโยบายภาครัฐจากหลาย ๆ ประเทศทั่วโลกนั้น มักส่งเสริมให้คนในประเทศหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้นนั่นเอง

6. อัตราเร่งและความเงียบของห้องโดยสาร

โดยเฉลี่ยแล้วรถยนต์ไฟฟ้านั้นมีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร ดีกว่ารถสันดาปทั่วไป เนื่องจากไม่มีการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ ไม่มีการเค้นเกียร์ เพียงแค่ใช้ไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ก็ช่วยให้รถออกตัวได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังไม่มีเสียงเครื่องยนต์เข้ามารบกวนในห้องโดยสารเมื่อเทียบกับรถสันดาปอีกด้วย

จากข้อมูลที่นำมาฝากนี้ เชื่อว่าจะช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจเลือกซื้อรถยนต์ที่เหมาะสมกับการใช้งานในชีวิตประจำได้ไม่มากก็น้อย ไม่ว่าจะเป็น EV Car หรือ ICE Car เมื่อเลือกซื้อมาใช้แล้วก็ขอให้หมั่นบำรุงรักษารถให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างคุ้มค่า และก่อให้เกิดมลพิษต่อโลกใบนี้น้อยที่สุด